หลายคนอาจเคยได้ยินเกี่ยวกับวิธีการเทรดแบบ Wyckoff แต่มือใหม่อาจยังสงสัยว่าวิธีนี้คืออะไรและทำไมถึงได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่เทรดเดอร์มืออาชีพ วันนี้เราจะมาสรุปแบบง่ายๆ ว่าเทคนิค Wyckoff คืออะไร และใช้งานอย่างไรให้ได้กำไรในตลาดเทคนิค Wyckoff คืออะไร?
เทคนิค Wyckoff พัฒนาโดย Richard Wyckoff นักลงทุนชื่อดังในยุคต้นศตวรรษที่ 20 โดยมีหลักการง่ายๆ คือ การศึกษาพฤติกรรมของตลาดจากอุปสงค์ (Demand) และอุปทาน (Supply) เพื่อวิเคราะห์ว่าเงินทุนกำลังไหลไปทางไหน และจะมีผลต่อทิศทางราคาสินทรัพย์อย่างไรเทคนิค Wyckoff เชื่อว่าตลาดเคลื่อนไหวตามวัฏจักร 4 ระยะสำคัญ ได้แก่
Accumulation (ระยะสะสม) – นักลงทุนรายใหญ่เริ่มเก็บสินทรัพย์ในช่วงราคาต่ำ ทำให้ราคาเริ่มมีฐานแน่น
Markup (ระยะขาขึ้น) – ราคาปรับขึ้นอย่างต่อเนเนื่อง นักลงทุนทั่วไปเริ่มเข้าซื้อ
Distribution (ระยะแจกจ่าย) – นักลงทุนรายใหญ่ทยอยขายทำกำไรที่ราคาสูง สัญญาณราคาเริ่มหยุดนิ่ง
Markdown (ระยะขาลง) – ราคาปรับตัวลดลง นักลงทุนที่เข้าช้าอาจขาดทุน ขณะที่นักลงทุนรายใหญ่รอสะสมรอบใหม่
การนำเทคนิค Wyckoff มาใช้ในการเทรด
1. ระบุแนวโน้มและช่วงระยะตลาด
ดูกราฟเพื่อวิเคราะห์ว่าราคาอยู่ในระยะไหน (สะสม, ขาขึ้น, แจกจ่าย หรือขาลง)
ระยะสะสมและแจกจ่าย มักมีการเคลื่อนไหวราคาที่แคบ มีปริมาณการซื้อขายสูงขึ้น และราคาผันผวนเล็กน้อย ก่อนที่จะเลือกทิศทางชัดเจน
2. สังเกตปริมาณการซื้อขาย (Volume)
Volume ที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อราคาพุ่งสูงขึ้นแสดงถึงแรงซื้อจริงจัง (Markup)
Volume ที่สูงมากในระยะราคาแคบๆ อาจบ่งบอกถึงระยะสะสมหรือแจกจ่าย
3. ใช้หลักการของ Support และ Resistance
ระบุระดับแนวรับ (Support) และแนวต้าน (Resistance) ในช่วงสะสมหรือแจกจ่าย
หากราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้านด้วย Volume สูง แสดงถึงโอกาสการเคลื่อนไหวของราคาที่ชัดเจน
4. ยืนยันสัญญาณก่อนเข้าเทรด
รอให้ราคายืนยันการเคลื่อนไหวก่อนเปิดออเดอร์ เช่น รอให้ราคาทะลุแนวต้านและยืนเหนือระดับนี้ได้ในระยะเวลาหนึ่ง ก่อนตัดสินใจเข้าเทรด
ตัวอย่างการใช้งาน
สมมติว่าราคาสินทรัพย์กำลังอยู่ในระยะสะสม โดยราคาแกว่งตัวในกรอบแคบๆ เป็นเวลานาน พร้อม Volume เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หากวันหนึ่งราคาทะลุกรอบบนด้วย Volume ที่สูงมาก นี่คือสัญญาณชัดเจนของการเริ่มต้นระยะ Markup นักลงทุนสามารถเข้าเทรดเพื่อรอทำกำไรจากแนวโน้มขาขึ้นนี้ได้
สรุป
เทคนิค Wyckoff ไม่ใช่เรื่องซับซ้อนหากคุณเข้าใจหลักการและขั้นตอนที่ชัดเจน คีย์สำคัญคือการฝึกดูกราฟและตีความ Volume ประกอบกันเสมอ เพียงแค่เรียนรู้และฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ เทคนิคนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไร และลดความเสี่ยงจากการเทรดได้อย่างมาก
→ เปิดบัญชีทดลองกับ Tickmill แล้วลองจับลักษณะการเคลื่อนไหวของตลาดแบบไร้ความเสี่ยงได้เลย https://www.tickmill.com/trading/demo-account
ตามซิกแนล วางแผนเข้าเทรด และคลาสออนไลน์ได้ที่เพจ → Facebook ของเรา
เพิ่มเพื่อนกับ → Line Official Tickmill และติดตามกิจกรรมใหม่ๆ
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ: เนื้อหาที่แสดงไว้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นข้อมูลเท่านั้นและไม่ควรถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน มุมมอง ข้อมูล หรือความคิดเห็นที่แสดงในข้อความเป็นของผู้เขียน แต่เพียงผู้เดียวไม่ใช่ของนายจ้าง องค์กร คณะกรรมการ หรือกลุ่ม หรือบุคคล หรือ บริษัท ของผู้เขียน
ประสิทธิภาพในอดีตไม่ได้บ่งบอกถึงผลลัพธ์ในอนาคต
คำเตือนความเสี่ยงสูง: CFD เป็นเครื่องมือที่ซับซ้อนและมีความเสี่ยงสูงที่จะสูญเสียเงินอย่างรวดเร็วเนื่องจากเลเวอเรจ 75% และ 75% ของบัญชีนักลงทุนรายย่อยสูญเสียเงินเมื่อซื้อขาย CFD กับ Tickmill UK Ltd และ Tickmill Europe Ltd ตามลำดับ คุณควรพิจารณาว่าคุณเข้าใจวิธีการทำงานของ CFD หรือไม่ และคุณสามารถรับความเสี่ยงสูงที่จะสูญเสียเงินของคุณได้หรือไม่
ฟิวเจอร์สและออปชัน: การซื้อขายฟิวเจอร์สและออปชันโดยใช้มาร์จินมีความเสี่ยงสูงและอาจส่งผลให้เกิดการสูญเสียเกินกว่าเงินลงทุนเริ่มต้นของคุณ ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่เหมาะสำหรับนักลงทุนทุกคน โปรดมั่นใจว่าคุณเข้าใจความเสี่ยงทั้งหมดและดูแลการจัดการความเสี่ยงของคุณอย่างเหมาะสม