หัวข้อในบทนี้

ในบทนี้ เราจะมาทำความเข้าใจถึง

  • ความสำคัญที่ทำไมเทรดเดอร์ต้องควบคุมขนาดการสูญเสีย โดยเข้าใจถึงการนำเครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับสถิติและความน่าจะเป็นไปใช้ว่ามีข้อจำกัดในการใช้แบบใด (คุณอยู่ที่นี่)
  • ตัวอย่างการออกแบบกลยุทธ์การเทรด โดยพิจารณาในส่วนของการบริหารขนาดการเทรด เพื่อจำกัดระดับความสูญเสียต่อ order


ลักษณะสำคัญที่ควรเข้าใจเมื่อเลือกใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค

สมมุติว่าเรากำลังเล่นเกมที่มีโอกาสชนะจากข้อมูลสถิติคือ 50% เช่น เกมทายหัวก้อย โดยกลยุทธ์ของเราคือเลือกเก็งด้านหัวในทุกเกม


โอกาส 50% ตามสถิติ มิได้หมายถึง หากเกมล่าสุดออกก้อย แล้วตาต่อไปจะต้องออกหัวเพราะสถิติจะมีลักษณะของรูปแบบตาม Law of large numbers หรือในแง่การนำไปใช้ ก็อาจตีความได้ว่า จำนวนครั้งของการกระทำจะต้องมีจำนวนสูง ผลลัพธ์ถึงจะขยับโดยมีความน่าจะเป็นไปสู่ค่าตามทฤษฎี

  • ในรอบของการเล่นจำนวนน้อยผลลัพธ์รวมนั้นอาจเบี่ยงเบนได้สูงเช่น
  • การเล่น 10 รอบ ผลอาจออกมาเป็น หัว 8 ก้อย 2 (80% ต่อ 20%)การเล่น 100 รอบ ผลอาจออกมาเป็น หัว 70 ก้อย 30 (70% ต่อ 30%)

  • การเล่น 1000000 ครั้ง ผลอาจออกมาเป็น 499990 ต่อ 500010 (49.999% ต่อ 50.001%)

เมื่อผู้ใช้ความน่าจะเป็นทางสถิติ ตระหนักถึงลักษณะดังกล่าว การนำเครื่องมือที่ทำงานบนหลักสถิติมาใช้จึงต้อง

- เมื่อจะเก็บสถิติ หาระดับ % win ของกลยุทธ์ที่ใช้ : จำนวนรอบของการเล่นเกมจะต้องมีจำนวนมากพอที่จะเก็บสถิติ ว่ากลยุทธ์เทรดที่เลือกใช้นั้นมีระดับสถิติที่จะชนะต่อแพ้กี่เปอร์เซนต์

- เมื่อจะนำสถิติไปใช้ จำนวนรอบของการนำไปใช้จะต้องมากพอ ที่จะรอให้ผลลัพธ์มีแนวโน้มเข้าหาค่าที่ประเมินไว้

เทรดเดอร์ผู้มีประสบการณ์จะนำความตระหนักถึงความรู้นี้ไปใช้โดย การออกแบบกลยุทธ์การเทรดให้อยู่รอดในตลาดได้นานที่สุดก่อนคิดเรื่องผลตอบแทนเสมอ

การประยุกต์ความเข้าใจนี้เพื่อใช้กับการเทรดด้วยการวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค

เมื่อมนุษย์พิจารณาชุดของข้อมูลใดๆ จะพยายามหารูปแบบของการเกิดซ้ำของเหตุการณ์ แล้วเมื่อสังเกตพบก็จะ และเห็นว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ A มักจะมีเหตุการณ์ B เกิดขึ้นต่อมาบ่อยครั้ง ก็จะเกิดเป็นความรู้ในแง่ของความน่าจะเป็นในการทำนายการเกิดของเหตุการณ์ B และหาผลประโยชน์หรือป้องกันความสูญเสียจากความสัมพันธ์ของความน่าจะเป็นดังกล่าว

เครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค เป็นศาสตร์หนึ่งที่พัฒนาจากรูปแบบของสถิติ - ความน่าจะเป็น เทรดเดอร์คนหนึ่งที่เรียนรู้ลักษณะของแท่งเทียนญีปุ่น พบว่าเมื่อราคาตราสารต่อเวลา มีรูปแบบพักตัวเมื่ออยู่ในบริเวณของแนวรับที่มีนัยยะสำคัญ และบ่อยครั้งที่มีการกลับตัวของราคาเกิดขึ้น เทรดเดอร์ผู้นั้นจึงสรุปสิ่งที่เห็นเป็นชุดความรู้เรื่องความน่าจะเป็นถึงโอกาสของการกลับตัวของราคา และนำไปใช้พัฒนากลยุทธ์การเทรดของตนเอง

เมื่อเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิค เกิดจากพื้นฐานของสถิติ ความน่าจะเป็น ดังนั้นการนำมันไปใช้ ก็ต้องคำนึงถึง ข้อจำกัดควรพิจารณาในหัวข้อของ Law of large numbers

สิ่งที่เทรดเดอร์มือใหม่ต้องพบ เมื่อไม่เข้าใจว่าอีเอ หรือกลยุทธ์ที่เลือกใช้มีจุดอ่อนที่ใด

เทรดเดอร์มือใหม่มักให้ความสำคัญกับ จุดเข้า จุดออก โดยไม่สนใจขนาดของการเปิดที่เหมาะสมกับต้นทุน

เมื่อเปิดการเทรด และล้างพอร์ต เทรดเดอร์มือใหม่จะพยายามมองหาสัญญาณการเข้าที่แม่นยำยิ่งขึ้น หรือแย่ไปกว่านั้น คือการมองหาเครื่องมือวิเศษที่สามารถให้ผลตอบแทนสูงๆได้ในเวลาอันสั้น โดยที่ไม่ต้องเข้าใจว่าสิ่งนั้นทำงานอย่างไร

ปัญหาของเทรดเดอร์มือใหม่จำนวนมากคือ

ปัญหาการตีความว่าสิ่งที่ตนเองกำลังทำนั้นผิดที่ตรงไหน ?

หากเทรดเดอร์มือใหม่ล้างพอร์ต แล้วจึงพยายามไปหาวิธีเข้าเทรดที่มีความถูกต้องมากขึ้น โดยยังไม่ตระหนักว่าปัญหาที่แท้จริงของกลยุทธ์ที่ใช้อยู่คือเรื่องของการบริหารขนาดการเทรด ไม่ใช่เรื่องของความแม่นยำ ก็จะพบกับการสูญเสียซ้ำๆไปเรื่อยๆ

ลองพิจารณาตัวอย่างที่เกิดขึ้นได้บ่อยๆในตลาด

หากมีเทรดเดอร์สองคนที่ใช้กลยุทธ์การเข้า ออกจากตลาดด้วยจุดเดียวกัน แต่ต่างกันที่ขนาดของทุนที่มี

ผลลัพธ์ที่ได้อาจต่างกันได้อย่างไร

เทรดเดอร์คนแรกมีขนาดความเสี่ยงต่อครั้งในการเทรด สูญเสีย 50 USD โดยพอร์ตของเขามีทุนขนาด 5000 USD หรือหมายถึงการเทรดแต่ละครั้งหากเขาขาดทุนเขาจะมีทุนหายไป 1%

เทรดเดอร์คนที่สอง เข้าออกด้วยวิธีเดียวกับเทรดเดอร์คนแรก โดยมีทุน 500 USD และการเทรดแต่ละครั้งใช้ขนาดเปิดด้วยความเสี่ยงในวงเงินเดียวกับคนแรกคือ 50 USD สิ่งที่เกิดขึ้นคือ

- มีโอกาสที่เทรดเดอร์คนที่สองจะมี % ของการเติบโตของพอร์ตสูงกว่า

- และมีโอกาสที่เทรดเดอร์คนที่สองจะมีโอกาสล้างพอร์ตได้เร็วกว่าเมื่อพบกับการผิดติดๆกันจำนวนหลายครั้ง

และอย่าลืมสิ่งที่ Law of large numbers เคยบอกกับเรา ว่าการจะเป็นไปตามนัยยะทางสถิติและความน่าจำเป็นนั้น รูปแบบของการทำซ้ำที่บ่อยครั้งกว่าจะมีโอกาสรอเพื่อเป็นไปตามทฤษฎีได้มากกว่า

เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์จะมีการพิจารณาจุดเข้า และจุดออกของการเทรดก่อนทำการเทรดเสมอ โดยวิธีการที่นิยมวิธีหนึ่งคือการใช้ระดับของแนวรับแนวต้านที่สำคัญประกอบการตัดสินใจ และเมื่อมีแผนสำหรับจุดเข้าและจุดออกการเทรดแล้ว เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์บางท่านจะใช้กลยุทธ์การจำกัดความสูญเสียให้อยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับเงินทุนของพอร์ต โดยคำนึงถึงข้อมูลทางสถิติและความน่าจะเป็นของกลยุทธ์ที่ตนเลือกใช้ในการเทรด

ในหัวข้อถัดไป เราจะมาดูตัวอย่างของวิธีการควบคุมขนาดความเสี่ยงเบื้องต้นที่ทุกคนสามารถทำได้อย่างง่ายดาย เช่น การบริหารระดับความสูญเสียด้วย 2% Rule