ประเภทของคำสั่งเทรดที่พบได้บ่อยๆ

คำสั่งประเภท Limit order

คือคำสั่งซื้อขายตราสารในราคาที่กำหนดเป็นการเฉพาะเจาะจง ซึ่งมี 2 แบบ คือ

- Buy limit order = การกำหนดราคาที่จะเข้าซื้อ โดยตั้งช่วงขีดจำกัดไว้ในระดับต่ำกว่าราคาปัจจุบัน

- Sell limit order = การกำหนดราคาที่จะขาย โดยตั้งช่วงขีดจำกัดไว้ในระดับสูงกว่าราคาปัจจุบัน

เทรดเดอร์จะใช้คำสั่ง Buy limit order เมื่อคาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวลงต่ำกว่าระดับปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้สามารถเข้าซื้อตราสารได้ในราคาที่ต่ำกว่า ในทางกลับกันเทรดเดอร์จะใช้คำสั่ง Sell limit order เมื่อคาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวขึ้นสูงกว่าระดับปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้สามารถขายตราสารได้ในราคาที่สูงกว่า

ข้อดี :

- คำสั่งประเภท limit order จะทำให้สามารถซื้อขายตราสารได้ในราคาที่ดีกว่าระดับปัจจุบันของตลาด

- คำสั่งประเภท limit order จะทำให้ได้ราคาซื้อขายตรงตามระดับที่กำหนดไว้แบบแน่นอนตายตัว หรือได้ในราคาที่ดีกว่าเท่านั้น

ข้อเสีย :

-คำสั่งประเภทนี้ มีโอกาสที่จะไม่ได้รับการตอบสนอง

ตัวอย่าง :

- ในช่วงที่ตลาดมีการซื้อขายหนาแน่น โดย EUR/USD มีอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 1.20000 และมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นต่อไปที่ 1.21000

- หากใช้คำสั่ง Buy limit order ที่ 1.19900 (100 points ต่ำกว่าระดับปัจจุบัน) แล้วต่อมา EUR/USD ปรับฐานลงไปที่ 1.19900 หรือต่ำกว่านั้น ก่อนจะแข็งค่าขึ้นไปที่ 1.21000 ตามที่คาดการณ์ ก็จะทำให้เทรดเดอร์ได้กำไร 100 points

- นอกจากนี้ หากราคาเคลื่อนไหวไปยังระดับที่ดีกว่าจุดที่กำหนด เช่น หากปรับฐานลงถึง 1.19800 (ต่ำกว่าระดับ 1.19900 ที่กำหนดไว้) ก็จะทำให้เทรดเดอร์ได้กำไรเพิ่มอีก

ดังนั้นคำสั่ง Limit order จะใช้ในกรณีที่คาดว่าราคาจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่กำหนด และต้องการทำกำไรให้ได้มากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งถ้าราคาไม่เป็นไปตามที่กำหนด (เช่น ไม่ปรับฐานลงมาที่ 1.19900) คำสั่ง Buy limit order ดังกล่าวก็จะไม่ได้รับการตอบสนอง นอกจากนี้ หากมีเทรดเดอร์จำนวนมากส่งคำสั่ง Buy limit order ที่ 1.19900 เหมือนกัน ก็อาจทำให้ตลาดขาดสภาพคล่องจนไม่สามารถประมวลผลคำสั่งได้ครบสำหรับทุก order และทำให้บางคำสั่งไม่ได้รับการตอบสนอง แม้ราคาจะเคลื่อนไหวไปตรงตามที่กำหนดก็ตาม

เปิดบัญชีเทรดกับ Tickmill https://secure.tickmill.com/users/register