สิ่งที่จำเป็นในการเริ่มต้นเทรดกับแพลตฟอร์มการเทรด MT5

สำหรับผู้เริ่มต้น เราขอแนะนำให้คุณเทรดด้วยบัญชีทดลองที่สามารถสมัครได้ที่ https://www.tickmill.com/th/trading/demo-account เพื่อเรียนรู้พื้นฐานของการใช้งานแพลตฟอร์มและเงื่อนไขต่างๆของการเทรด โดยหลังจากสมัคร ระบบจะส่งอีเมล์เพื่อแจ้งไอดี MT5 รหัสผ่าน และเซิรฟ์เวอร์ที่ใช้งานได้ เมื่อคุณดำเนินการติดตั้งและเข้าสู่แพลตฟอร์มเทรด MT5 ในครั้งแรก มีองค์ประกอบพื้นฐาน 4 ส่วนสำหรับการเริ่มต้นใช้งานดังต่อไปนี้

  1. ตรวจสอบการเชื่อมต่อ หากคุณเข้าสู่บัญชีเทรดสำเร็จ บริเวณมุมขวาล่างของแพลตฟอร์ม MT5 จะต้องแสดงไอคอนของการเชื่อมต่อสีเขียวพร้อมมีตัวเลขความเร็วในการเชื่อมต่อดังรูป

  2. ตรวจสอบตราสาร ในฝั่งมุมบนด้านซ้าย คุณจะพบกับหน้าต่าง Market Watch ซึ่งจะแสดงตราสารที่คุณสามารถทำการเทรดได้

TIP หากคุณพบว่าไม่มีตราสารที่คุณต้องการเทรดแสดงอยู่ คุณสามารถคลิกขวาบนบริเวณที่ว่างของหน้าต่าง Market watch จากนั้นเลือกไปที่ Show all เพื่อให้ระบบแสดงตราสารทั้งหมดที่เทรดได้ออกมา

ตราสารสำหรับเทรดจะประกอบไปด้วยราคาสองแบบคือราคา Ask และราคา Bid โดยผลต่างของราคา Ask - Bid หมายถึงค่าสเปรดที่เป็นต้นทุนการเทรดแรกที่คุณจะต้องพบเมื่อเทรดบน MT5

ในรูปตัวอย่างแสดงถึงค่าสเปรดของ EURUSD ที่ในเวลาดังกล่าวมีค่า 16 Point หรือ 1.6 pip
(คำนวณจาก ราคา ask 1.09037 - 1.09021 )

สิ่งที่ควรทราบ
สำหรับการเปิด Long (ซื้อ) แพลตฟอร์มจะใช้ราคา Ask เมื่อเปิดรายการ ส่วนตอนปิดรายการเทรด จะใช้ราคา Bid
สำหรับการเปิด Short (ขาย) แพลตฟอร์มจะใช้ราคา Bid เมื่อเปิดรายการ ส่วนตอนปิดรายการเทรด จะใช้ราคา Ask

วิธีจำง่ายๆ - ราคา Ask จะอยู่เหนือราคา Bid ดังนั้นการ Long คือการเปิดที่ราคาของเส้นบน Ask ปิดด้วยราคาของเส้นล่าง Bid ส่วนการ Short ก็จะตรงข้ามกัน

ดังนั้น หากคุณเปิด Long EURUSD ในเวลาดังกล่าว รายการเทรดจะเปิดที่ 1.09037 (ask)
และสมมุติว่าคุณปิดรายการเทรดดังกล่าวในทันที รายการเทรดจะปิดที่ 1.09021 (bid)

หรือคุณขาดทุนในทันที 16 point (1.6 pip )

คำถามสำหรับมือใหม่ถัดมาคือ แล้ว 1.6 pip เป็นเงินเท่าไหร่ ? คุณสามารถตรวจสอบผลต่างในมุมมองราคาได้จาก https://www.tickmill.com/tools/forex-calculators โดยกรอกราคาที่ใช้ในการเปิด และปิดลงไป

จากรูป หมายความว่าบัญชีเทรดของคุณมีหน่วยเงินในสกุล USD และมีเลเวอเรจ 1-500 เมื่อคุณเทรดด้วยขนาด 0.01 Lot ด้วยราคาเปิดและปิดจากตัวอย่างก่อนหน้านี้ คุณจะมีการติดลบทันทีจากสเปรดเป็นเงิน 0.16 USD

เมื่อคุณเข้าใจถึงค่าสเปรด ราคา Ask , Bid และการเปิด Order ด้วยการ Long / Short แล้ว บทสรุปแรกของคุณคือ
สเปรดยิ่งต่ำ ต้นทุนการเทรดของคุณจะยิ่งลดลง

*บัญชีที่ใช้ในตัวอย่างนี้จะเป็นบัญชี Classic ที่ไม่คิดคอมมิชชั่นเทรด บัญชี Classic แต่บัญชี Classic จะมีค่าสเปรดที่กว้างกว่าบัญชี PRO 1.6 pip เสมอ

TIP ตรวจสอบสเปรดเปรียบเทียบในแต่ละตราสารระหว่างโบรกเกอร์ได้ที่ https://www.myfxbook.com/forex-broker-spreads 
เลือกบัญชี PRO : และหากคุณเป็นเทรดเดอร์ที่ให้ความสำคัญกับต้นทุนในการเทรด บัญชี PRO ของ Tickmill คือหนึ่งในบัญชีที่มีต้นทุนสเปรดต่ำแห่งหนึ่งในอุตสาหกรรม

  1. ตรวจสอบข้อมูลการเงินในพอร์ตลงทุน มีคำสำคัญที่คุณควรรู้ในมุมซ้ายล่างของแพลตฟอร์ม MT5 ดังต่อไปนี้

    Balance (ยอดเงิน): นี่คือจำนวนเงินทั้งหมดในบัญชีการซื้อขายของคุณ ไม่รวมกำไรหรือขาดทุนจากการซื้อขายที่ยังไม่ปิดการซื้อขาย มันเหมือนกับยอดเงินพื้นฐานที่คุณมีก่อนที่จะพิจารณาการซื้อขายที่กำลังดำเนินการ

    Equity (มูลค่าทรัพย์สิน): Equity คือยอดเงินในบัญชีของคุณบวกหรือลบด้วยกำไรหรือขาดทุนของการซื้อขายที่เปิดอยู่ มันเป็นการวัดมูลค่าแบบเรียลไทม์ของบัญชีของคุณหากคุณปิดการซื้อขายทั้งหมดในขณะนั้น

    Free Margin (มาร์จิ้นที่พร้อมใช้งาน): นี่คือจำนวนเงินในบัญชีของคุณที่สามารถใช้เปิดการซื้อขายใหม่ได้ Free margin คำนวณจาก equity ของคุณหักด้วยมาร์จิ้นที่ใช้ไปแล้วสำหรับการซื้อขายที่เปิดอยู่ มันเหมือนกับความสามารถในการใช้จ่ายสำหรับการทำการซื้อขายใหม่

    Margin Used (มาร์จิ้นที่ใช้ไป): นี่คือจำนวนเงินที่ใช้ไปในการรักษาการซื้อขายที่เปิดอยู่ มันเหมือนกับเงินประกันที่โบรกเกอร์ของคุณถือไว้ขณะที่การซื้อขายของคุณเปิดอยู่ มาร์จิ้นจะถูกคืนกลับไปยังมาร์จิ้นที่พร้อมใช้งานเมื่อคุณปิดการซื้อขาย

    Margin Level (ระดับมาร์จิ้น): ระดับมาร์จิ้นคือเปอร์เซ็นต์ที่คำนวณโดยการหาร equity ด้วยมาร์จิ้นที่ใช้ไป มันเป็นตัวบ่งชี้สำคัญของสถานะทางการเงินในบัญชีการซื้อขายของคุณ

เรามาทำความเข้าใจจากตัวอย่างกัน

ในภาพประกอบ ทุนเริ่มต้นในบัญชีทดลองของคุณก่อนเปิดรายการเทรดคือ Balance 10000 USD จากนั้นมีการเปิด Short (Sell) order ด้วยขนาด 0.01 lot ที่ราคา 1.08945 และราคาปัจจุบัน (ตรวจสอบที่ Market Watch) คือ 1.08927
*สำหรับ Short ราคาที่จะใช้ในการปิดคือราคา Ask

BALANCE

EQUITY

MARGIN(USED)

FREE MARGIN

PROFIT

ก่อนเปิดเทรด

10000

10000

0

10000

0

หลังเปิดการเทรด

10000

10000.18

2.18

9998

0.18

ในเวลานี้คุณจะพบว่าคุณมีกำไรที่ยังไม่ได้ยืนยัน (Floating Profit) 0.18 USD

จากตารางเปรียบเทียบ คุณจะพบว่าค่า BALANCE ยังคงเท่าเดิม เนื่องจากคุณยังไม่ได้มีการปิดออเดอร์เพื่อรับรู้การขาดทุนหรือกำไร ส่วนค่า EQUITY มีค่าเพิ่มขึ้นโดยผนวกส่วนของกำไรที่ยังไม่รับรู้ 0.18 เข้าไปด้วย

และมีค่า MARGIN (USED) 2.18 USD กับรายการเทรดนี้ , ค่านี้เป็นวงเงินประกันสำหรับบัญชีเทรดที่ใช้เลเวอเรจ เพื่อทำให้เทรดเดอร์สามารถเปิดขนาดการเทรดที่มีมูลค่าสูงขึ้นกว่าเงินทุนตั้งต้นได้ โดยผู้ให้บริการจะกันเงินประกันไว้ส่วนหนึ่งในทุกการเปิดรายการเทรด ซึ่งคุณสามารถตรวจสอบ Margin requirement สำหรับตราสาร และขนาดการเทรดต่างๆได้ทาง Forex Calculator https://www.tickmill.com/tools/forex-calculators

ในตัวอย่างนี้ การเปิด Short 0.01 lot EURUSD ใช้เงินประกัน 2.18 USD และเมื่อมีการกันเงินประกัน ทำให้ Free margin หรือวงเงินส่วนที่ใช้ในการเทรดของคุณลดลงเท่ากับส่วนของเงินประกันที่กันไว้ บวกกับกำไรขาดทุนของบัญชีในขณะนั้น (10000 - 2.18 + 0.18 ) = 9998 USD

สำคัญ - หากระดับ EQUITY ของคุณลดลงจนต่ำกว่า 30% ของ MARGIN USED แพลตฟอร์ม MT5 จะทำการปิดรายการเทรดที่ติดลบสูงสุดของคุณไปเรื่อยๆจนกว่าระดับ EQUITY จะเพิ่มสูงกว่า 30% การทำงานของ MT5 ส่วนนี้คือกลไกของระบบ STOP OUT

เมื่อคุณทราบถึงกลไกของ STOP OUT ซึ่งเกี่ยวข้องกับ

  • การลดลงของระดับ EQUITY ในพอร์ตของคุณ ซึ่งเกิดได้จาก ราคาไปในทิศทางตรงข้ามกับรายการเทรดของคุณ จนทำให้รายการเทรดดังกล่าวมีมูลค่าติดลบทางบัญชีลบมากขึ้นเรื่อยๆ

  • ระดับ 30% ของ MARGIN USED ที่เพิ่มขึ้น - ยิ่งคุณใช้มาจิ้นในการเทรดมากเท่าไหร่ (เปิดการเทรดตราสารในปริมาณการเทรดรวมที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ MARGIN USED ของคุณจะเพิ่มขึ้น และดับ 30% ของ MARGIN USED ก็จะเพิ่มตามไปด้วยเช่นกัน