เปิดบทความ: คำถามจากนักเทรด

“หลายคนสงสัยว่า ทำไม Tickmill ถึงต้องขอเอกสารสองอย่างในการยืนยันตัวตน ทั้งที่บางโบรกเกอร์ใช้แค่บัตรประชาชนใบเดียวก็พอ?”

บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของซีรีส์ AFTER HOURS ที่จะมาไขข้อสงสัยในประเด็นต่าง ๆ ของวงการโบรกเกอร์และเทรดดิ้ง โดยวันนี้เราจะอธิบายเรื่องการขอเอกสารสองชุด หรือที่นิยมเรียกว่า POI (Proof of Identity – เอกสารยืนยันตัวตน) และ POA (Proof of Address – เอกสารยืนยันที่อยู่) ว่าทำไมจึงสำคัญ และเป็นผลดีกับตัวคุณอย่างไร


POI กับ POA คืออะไร?

  1. POI (Proof of Identity):

    • เอกสารประเภท “ยืนยันว่าเราคือใคร” เช่น บัตรประจำตัวประชาชน พาสปอร์ต หรือใบขับขี่

    • ใช้พิสูจน์ว่าข้อมูลส่วนบุคคล (ชื่อ, วันเกิด, เลขที่บัตร) ตรงกับตัวบุคคลจริง ๆ

  2. POA (Proof of Address):

    • เอกสารประเภท “ยืนยันว่าบ้านอยู่ที่ไหน” เช่น บิลค่าน้ำค่าไฟ, ใบแจ้งยอดธนาคาร, หรือเอกสารราชการที่มีที่อยู่ปัจจุบัน

    • ช่วยให้โบรกเกอร์ทราบว่า ที่อยู่ที่ลูกค้าแจ้งไว้นั้นตรงกับเอกสารราชการหรือเรียกเก็บเงินจริงหรือไม่


ทำไม Tickmill ต้องขอเอกสารสองอย่าง?

  1. ทำตามมาตรฐานสากล (AML/CFT)

    • Tickmill อยู่ภายใต้การกำกับดูแลจากหลายหน่วยงานระดับโลก เช่น FCA (อังกฤษ), CySEC (ยุโรป) และ FSA (เซเชลส์)

    • ข้อกำหนดเหล่านี้เน้นเรื่องการป้องกันการฟอกเงิน (AML) และการต่อต้านการสนับสนุนเงินทุนแก่การก่อการร้าย (CFT) ซึ่งต้องตรวจสอบทั้งตัวบุคคลและที่อยู่

  2. ลดความเสี่ยงเรื่องการหลอกลวง (Fraud)

    • ใช้แค่เอกสารเดียว (เช่น บัตรประชาชน) อาจปลอมหรือสวมรอยได้ง่าย

    • เมื่อโบรกเกอร์ขอทั้ง POI และ POA คนร้ายจะต้องปลอมทั้งสองชุด ซึ่งทำได้ยากขึ้นมาก

  3. การปฏิบัติตามกฎหมายหลายประเทศ

    • Tickmill ให้บริการลูกค้าหลากหลายเขตอำนาจ จึงต้องยึดตามมาตรฐานที่เข้มงวดที่สุด (เช่น FCA) เพื่อครอบคลุมทุกพื้นที่

    • แม้ FSA ในเซเชลส์จะไม่ได้เคร่งเท่า FCA หรือ CySEC แต่ Tickmill เลือกยึดมาตรฐานสูงสุดเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือทั่วโลก

  4. เพื่อประโยชน์ในอนาคต (ภาษี / การแบ่งประเภทบัญชี)

    • เอกสาร POA ช่วยยืนยันว่าลูกค้าอยู่ในประเทศหรือเขตใด เพื่อให้โบรกเกอร์ทราบข้อกฎหมายและภาษีที่เกี่ยวข้อง

    • ยังช่วยให้ Tickmill แบ่งระดับบัญชี (Retail vs. Professional) ได้ตามกฎหมาย MiFID II หรือข้อบังคับอื่น ๆ


แล้วทำไมบางโบรกเกอร์ถึงขอแค่เอกสารตัวเดียว?

  • มาตรฐานกำกับที่ต่างกัน:
    บางโบรกเกอร์อาจอยู่ภายใต้การกำกับที่ผ่อนปรนกว่า (เช่น เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีนส์) ทำให้ขอเพียงแค่ POI ได้

  • เน้นความเร็วในการเปิดบัญชี:
    บางเจ้าต้องการให้ลูกค้าเปิดบัญชีได้ไวที่สุด จึงลดขั้นตอนลง แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงเรื่องการปลอมแปลงและทำให้ความน่าเชื่อถือลดลง


ความเสี่ยงถ้าใช้เอกสารชุดเดียว

  • โอกาสเกิดบัญชีปลอมสูง
    มิจฉาชีพอาจใช้ข้อมูลสวมรอยได้ง่าย ถ้าตรวจแค่บัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตใบเดียว

  • อาจถูกลงโทษจากหน่วยงานกำกับ
    หากโบรกเกอร์ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐาน AML/CFT อาจถูกปรับหรือพักใบอนุญาต

  • เสียชื่อเสียง
    ถ้าเกิดกรณีฉ้อโกงบ่อย โบรกเกอร์จะสูญเสียความเชื่อมั่นจากนักเทรด


สรุป: ทำไมเอกสารสองชุดถึงดีกว่าสำหรับคุณ

การขอ POI และ POA อาจดูเพิ่มขั้นตอน แต่ก็ช่วย:

  • ป้องกันการฉ้อโกง – ลดโอกาสปลอมแปลงตัวตน

  • รักษามาตรฐานสากล – ทำให้คุณสบายใจว่าเทรดกับโบรกเกอร์ที่ปลอดภัยจริง

  • เพิ่มความน่าเชื่อถือ – ทั้งโบรกเกอร์และลูกค้าต่างมั่นใจได้ว่าระบบมีเกราะป้องกันความเสี่ยงที่ดี


ชวนพูดคุยต่อ

หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับขั้นตอนการยืนยันตัวตน การเทรด หรืออยากพูดคุยเรื่องใดเพิ่มเติม ลองคอมเมนต์ถามไว้ได้เลย แล้วพบกันใน AFTER HOURS ครั้งถัดไป!

Tip: การเตรียมเอกสารให้ครบ (POI และ POA) ก่อนสมัคร จะช่วยให้การเปิดบัญชีราบรื่นและรวดเร็วขึ้น!